หัวใจของการทำ SEO คือ วิธีทำ SEO การเขียนบทความให้ถูกใจ Google กลายเป็นสิ่งสำคัญสำหรับนักเขียนเว็บไซต์และเจ้าของธุรกิจออนไลน์การศึกษากฎ E-A-T จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณติดอันดับการค้นหาสูงขึ้น ดึงดูดผู้เข้าชมมากขึ้นและ ultimately เพิ่มยอดขาย ในบทความนี้เลยจะมาแชร์วิธีทำ SEO ฉบับมือใหม่ เตรียมเว็บให้พร้อมสู่หน้า 1 ในปี 2024
SEO คือ อะไร? ทำไมธุรกิจถึงควรลงทุนทำ SEO
SEO ย่อมาจาก Search Engine Optimization
แล้ว Search Engine Optimization คืออะไร?
Search Engine Optimization หมายถึง กระบวนการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับสูงๆ บนหน้าผลการค้นหาของ Search Engine เช่น Google เมื่อผู้ใช้ค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง ข้อดีของการทำ SEO ทำให้เว็บไซต์ของคุณโดดเด่นและดึงดูดสายตาผู้ใช้
SEO ไม่ได้เป็นเพียงแค่การเพิ่มอันดับเว็บไซต์บนผลการค้นหาเท่านั้น แต่ยังเป็นการปรับปรุงประสบการณ์ผู้ใช้ (UX) ของเว็บไซต์อีกด้วย เมื่อเว็บไซต์ใช้งานง่ายและมีเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของผู้ใช้ ผู้ใช้ก็มีแนวโน้มที่จะกลับมาเยี่ยมชมเว็บไซต์อีกครั้ง และบอกต่อผู้อื่น
ความสำคัญของ SEO ต่อธุรกิจออนไลน์
- เพิ่มการเข้าชมเว็บไซต์: เมื่อเว็บไซต์ของคุณติดอันดับบนหน้าแรกของผลการค้นหา ผู้คนจะเห็นเว็บไซต์ของคุณมากขึ้น ส่งผลให้มีผู้เข้าชมเว็บไซต์เพิ่มขึ้น
- เพิ่มการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย: SEO ช่วยให้คุณสามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่ตรงกับธุรกิจของคุณได้มากขึ้น เนื่องจากผู้คนจะค้นหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ
- สร้างการรับรู้แบรนด์: เมื่อผู้คนเห็นเว็บไซต์ของคุณบ่อยขึ้น พวกเขาก็จะเริ่มจดจำแบรนด์ของคุณมากขึ้น
- เพิ่มยอดขาย: เมื่อมีผู้เข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น โอกาสที่พวกเขาจะซื้อสินค้าหรือบริการของคุณก็ย่อมมีมากขึ้น
- ประหยัดค่าใช้จ่าย: SEO เป็นวิธีการตลาดออนไลน์ที่มีประสิทธิภาพและคุ้มค่า เมื่อเทียบกับการโฆษณาแบบเสียเงิน
- สร้างความน่าเชื่อถือ: เว็บไซต์ที่มีอันดับสูงบนผลการค้นหา มักถูกมองว่ามีความน่าเชื่อถือมากกว่าเว็บไซต์ที่อันดับต่ำ
องค์ประกอบในการทำ SEO มีอะไรบ้าง
องค์ประกอบหลักในการทำ SEO แบ่งออกได้เป็น 3 ประเภทใหญ่ๆ ดังนี้:
1. การทำ SEO บนหน้าเว็บ (On-page SEO)
- การวิจัยคีย์เวิร์ด: ค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและเนื้อหาของคุณ
- การปรับแต่งเนื้อหา: ใส่คีย์เวิร์ดลงในเนื้อหาเว็บไซต์ของคุณอย่างเหมาะสม
- การเขียน Title Tag และ Meta Description: เขียน Title Tag และ Meta Description ที่ดึงดูดความสนใจและกระตุ้นให้ผู้ใช้คลิก
- การเพิ่มรูปภาพและวิดีโอ: เพิ่มรูปภาพและวิดีโอที่มีคุณภาพสูงและเกี่ยวข้องกับเนื้อหาของคุณ
- การสร้างโครงสร้างเว็บไซต์ที่ดี: จัดโครงสร้างเว็บไซต์ของคุณให้ใช้งานง่ายและเข้าใจง่ายสำหรับทั้งผู้ใช้และเครื่องมือค้นหา
- การเพิ่มประสิทธิภาพความเร็วหน้าเว็บ: ทำให้เว็บไซต์ของคุณโหลดเร็วขึ้น
- การทำให้เว็บไซต์ใช้งานได้บนมือถือ: ตรวจสอบให้แน่ใจว่าเว็บไซต์ของคุณสามารถใช้งานได้บนอุปกรณ์มือถือ
2. การทำ SEO นอกหน้าเว็บ (Off-page SEO)
- การสร้าง Backlink: หาเว็บไซต์อื่นที่มีคุณภาพสูงให้ลิงก์กลับมายังเว็บไซต์ของคุณ
- การสร้างสื่อสังคมออนไลน์: โปรโมทเว็บไซต์ของคุณบนโซเชียลมีเดีย
- การสร้าง Guest Post: เขียนบทความรับเชิญบนเว็บไซต์อื่นที่มีคุณภาพสูง
- การเข้าร่วมชุมชนออนไลน์: เข้าร่วมชุมชนออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณและแบ่งปันความรู้ของคุณ
3. การทำ SEO เชิงเทคนิค (Technical SEO)
- การทำ Site Audit: ตรวจสอบเว็บไซต์ของคุณเพื่อหาข้อผิดพลาดทางเทคนิคที่อาจส่งผลต่อ SEO
- การสร้าง Sitemap: สร้าง Sitemap เพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหาค้นพบเว็บไซต์ของคุณได้ง่ายขึ้น
- การปรับแต่งไฟล์ robots.txt: ปรับแต่งไฟล์ robots.txt ของคุณเพื่อบอกเครื่องมือค้นหาว่าหน้าเว็บใดที่คุณต้องการให้พวกเขาค้นหา
- การใช้ Structured Data Markup: เพิ่ม Structured Data Markup ลงในเว็บไซต์ของคุณเพื่อช่วยให้เครื่องมือค้นหาเข้าใจเนื้อหาของคุณได้ดีขึ้น
วิธีทำ SEO ให้ติดหน้าแรกของ Google
วิธีทำ SEO Google ให้เว็บไซต์ติดหน้าแรกนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป โดยหลักๆแล้ว มี 3 กลยุทธ์หลักที่ควรทำ
1. การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด
- ค้นหาคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและกลุ่มเป้าหมาย:
- ใช้เครื่องมือวิเคราะห์คีย์เวิร์ด เช่น Google Keyword Planner, Ahrefs, SEMrush
- วิเคราะห์พฤติกรรมการค้นหาของกลุ่มเป้าหมาย
- เลือกคีย์เวิร์ดที่มี Search Volume และ Search Intent สมดุลกัน
2. การเขียนเนื้อหาที่มีคุณภาพ
- เขียนเนื้อหาที่ตรงกับคีย์เวิร์ดที่เลือก:
- ใส่คีย์เวิร์ดในหัวข้อ บทความ และเนื้อหาอย่างเป็นธรรมชาติ
- เขียนเนื้อหาที่น่าสนใจ อ่านง่าย และให้ข้อมูล
- เนื้อหาควรมีเอกลักษณ์และไม่ลอกเลียนแบบผู้อื่น
- อัปเดตเนื้อหาใหม่ๆ อยู่เสมอ
3. การสร้าง Backlink
- สร้างแบ็กลิงก์จากเว็บไซต์ที่มีคุณภาพ:
- เขียนบทความ Guest Post บนเว็บไซต์อื่น
- เข้าร่วมเว็บบอร์ดและฟอรัมที่เกี่ยวข้อง
- แลกเปลี่ยนลิงก์กับเว็บไซต์อื่น
- ทำ PR ให้เว็บไซต์
นอกจากกลยุทธ์หลัก 3 ข้อนี้แล้ว ยังมีเทคนิค SEO อื่นๆ ที่สามารถทำได้ เช่น
- ปรับแต่งโครงสร้างเว็บไซต์และ URL
- โครงสร้างเว็บไซต์ควรชัดเจน ใช้งานง่าย
- ตั้งชื่อ URL ด้วยคีย์เวิร์ด
- ใช้ URL สั้น กระชับ เข้าใจง่าย
- เพิ่มความเร็วในการโหลดหน้าเว็บ
- ใช้ภาพที่มีขนาดเล็ก
- บีบอัดไฟล์ CSS และ JavaScript
- ใช้ CDN
- ทำให้เว็บไซต์ใช้งานง่ายบนมือถือ
- ออกแบบเว็บไซต์แบบ Responsive
- ใช้ฟอนต์ที่อ่านง่าย
- ปุ่มและเมนูควรมีขนาดใหญ่พอที่จะกดบนมือถือ
- ส่ง Sitemap และ Robots.txt ไปยัง Google Search Console:
- Sitemap บอก Google เกี่ยวกับหน้าเว็บทั้งหมดบนเว็บไซต์ของคุณ
- Robots.txt บอก Google ว่าหน้าเว็บใดที่สามารถรวบรวมข้อมูลได้
แนวทางการเขียนบทความให้ถูกใจ Google
1. เลือกหัวข้อที่เกี่ยวข้องและตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมาย
- วิเคราะห์คำค้นหาที่ผู้ใช้ค้นหาบน Google
- เลือกหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มเป้าหมายของคุณ
- เขียนเนื้อหาที่ตอบสนองความต้องการของผู้ใช้
2. เขียนเนื้อหาที่เป็นประโยชน์ ครบถ้วน และน่าสนใจ
- นำเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง แม่นยำ และทันสมัย
- อธิบายเนื้อหาอย่างละเอียด เข้าใจง่าย
- ใช้ภาษาที่เรียบง่าย กระชับ และตรงประเด็น
- แทรกตัวอย่าง ข้อมูลอ้างอิง และภาพประกอบ
- แบ่งเนื้อหาออกเป็นย่อหน้า หัวข้อ และหัวข้อย่อย
3. ใส่คีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง
- วิเคราะห์คีย์เวิร์ดหลักและคีย์เวิร์ดรองที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อบทความ
- ใส่คีย์เวิร์ดในชื่อบทความ คำอธิบาย เนื้อหา และหัวข้อย่อย
- หลีกเลี่ยงการยัดเยียดคีย์เวิร์ดจนเกินไป
4. Optimize เว็บไซต์สำหรับ SEO
- ตั้งชื่อบทความและคำอธิบายที่ดึงดูดความสนใจ
- ใช้ URL ที่สั้น กระชับ และเข้าใจง่าย
- เพิ่มภาพประกอบที่มี alt text
- สร้าง backlink จากเว็บไซต์อื่นที่มีคุณภาพ
5. Promote บทความของคุณ
- แชร์บทความของคุณบนโซเชียลมีเดีย
- ส่งบทความของคุณไปยังเว็บไซต์อื่น
- เข้าร่วมกลุ่มออนไลน์ที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อบทความของคุณ
6. Analyze ผลลัพธ์
- ติดตามสถิติการเข้าชมเว็บไซต์ของคุณ
- วิเคราะห์ว่าบทความใดได้รับความนิยมมากที่สุด
- ปรับปรุงกลยุทธ์การเขียนบทความของคุณให้ดีขึ้น
ถึงแม้ว่าเว็บไซต์ของคุณจะสวยงามและเต็มไปด้วยข้อมูลมากแค่ไหน แต่กลับไม่มีใครเข้ามาเยี่ยมชม? นั่นแปลว่าการทำ SEO ของคุณยังไม่ดีพอ ถึงเวลาแล้วเปลี่ยนเว็บไซต์ให้โด่งดังด้วยบริการ SEO มืออาชีพ กับ SEOMON รับทำ SEO ติดหน้าแรก Google
คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ วิธีทำ SEO
SEO มีกี่ขั้นตอน
การทำ SEO นั้น มีหลายขั้นตอน แต่สามารถสรุปได้เป็น 5 ขั้นตอนหลักๆ ดังนี้
– กำหนดเป้าหมาย: ก่อนอื่น คุณต้องกำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการอะไรจาก SEO
– วิจัย Keyword: ค้นหาคำหลักที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจและเนื้อหาของคุณ วิเคราะห์ปริมาณการค้นหาและความยากง่ายในการจัดอันดับ
– On-Page SEO: ปรับแต่งเว็บไซต์ของคุณให้เหมาะสมกับ Keyword
– สร้าง Backlink: สร้างลิงก์จากเว็บไซต์อื่นที่มีคุณภาพมายังเว็บไซต์ของคุณ
– ติดตามผลลัพธ์: ติดตามผลลัพธ์ของ SEO ของคุณอย่างสม่ำเสมอและทำการปรับเปลี่ยนตามที่จำเป็น
SEO ทํางานยังไง
SEO เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ให้ติดอันดับบนหน้าแรกของผลการค้นหาบน Google เพื่อทำให้เว็บไซต์โดดเด่นและน่าสนใจสำหรับทั้งผู้ใช้และSearch Engine เป้าหมายหลักคือ ดึงดูดผู้ใช้ที่ค้นหาคำที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณเข้ามา
SEO สามารถทำเองได้ไหม
SEO สามารถทำเองได้ แต่ต้องใช้เวลา ศึกษาหาความรู้ และลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ ข้อดีคือประหยัดค่าใช้จ่าย เข้าใจเว็บไซต์ของตัวเองดีขึ้น แต่ข้อเสียคืออาจใช้เวลานานกว่าจ้างมืออาชีพ และผลลัพธ์อาจไม่แน่นอน สำหรับผู้เริ่มต้น แนะนำให้ศึกษาพื้นฐาน SEO เรียนรู้วิธีวิเคราะห์ Keyword เขียนบทความที่มีคุณภาพ ปรับแต่งเว็บไซต์ให้ใช้งานง่าย และสร้าง Backlink แหล่งข้อมูลออนไลน์ มีมากมาย เช่น บทความ วิดีโอ คอร์สออนไลน์ อย่างไรก็ตาม การจ้างมืออาชีพ SEO ก็เป็นตัวเลือกที่ดี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ที่รวดเร็ว ต้องการประหยัดเวลา หรือไม่มีเวลาศึกษา SEO เอง
ทำ SEO ต้องรู้อะไรบ้าง
สิ่งสำคัญที่ต้องรู้ก่อนเริ่มทำ SEO
– กำหนดเป้าหมาย: กำหนดเป้าหมายที่ชัดเจนว่าต้องการผลลัพธ์อะไรจาก SEO เช่น ต้องการเพิ่มยอดขาย เพิ่ม traffic หรือสร้างแบรนด์
– วิเคราะห์คีย์เวิร์ด: หาคีย์เวิร์ดที่ผู้ใช้ค้นหาที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์ของคุณ
– ปรับแต่ง On-Page SEO: ปรับแต่งเนื้อหา โครงสร้างเว็บไซต์ และองค์ประกอบอื่นๆ บนหน้าเว็บให้ตรงตามหลัก SEO
– สร้าง Backlink: หาวิธีสร้างลิงก์จากเว็บไซต์อื่นๆ ที่มีคุณภาพมายังเว็บไซต์ของคุณ
วิเคราะห์ผลลัพธ์: ติดตามผลลัพธ์ของ SEO และปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง