รู้หรือยัง!? ว่าธุรกิจควรเลือก KPI SEO ที่เหมาะสมกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของธุรกิจ เพราะเดี๋ยวนี้ SEO ไม่ได้เน้นแค่ทำเว็บไซต์ให้สวย ๆ ปัง ๆ แล้วนะ ยังมีเรื่องการวัดและประเมินผลร่วมด้วย เพื่อดูว่าการทำ SEO ของเราได้ผลลัพธ์แค่ไหน จะได้รู้ว่าต้องปรับแก้ตรงไหน

“แล้ววัดผล SEO ยังไง สงสัยใช่มั้ยล่ะ ?”

บทความนี้จะมาชี้ให้เข้าใจว่าการทำ KPI SEO คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อการเว็บไซต์ และ 9 KPI SEO specialist ที่ควรติดตาม สำหรับธุรกิจทุกขนาดที่รับรองว่าเข้าใจง่าย ไม่ซับซ้อน พร้อมทั้งเรายังตัวอย่างการนำ KPI SEO google analytics ไปใช้งาน ตัวไหนที่ธุรกิจของคุณควรติดตาม เดี๋ยวลองไปเช็คกันดูพร้อมกันเลยนะ!


การทำ KPI SEO คืออะไร สำคัญอย่างไรต่อการเว็บไซต์

Key Performance Indicator สำหรับ SEO หรือการทำ KPI คือการกำหนดตัวชี้วัดความสำเร็จของกลยุทธ์ SEO ของธุรกิจ KPI เหล่านี้จะช่วยให้ธุรกิจเกิดการติดตามผลลัพธ์ของกลยุทธ์ SEO และกำหนดเป้าหมาย KPI SEO marketing ที่เหมาะสมได้ ถ้าอยากรู้ว่า SEO ของเธอดีแค่ไหน ต้องดูการทำ KPI  เหล่านี้แหละ แกจะได้รู้ว่าควรปรับแก้ตรงไหนดี

การทำ KPI SEO สำคัญนะเธอ!  เพราะมันช่วยให้เธอรู้ว่า SEO ของแกเวิร์คไหม ถ้าเวิร์ค แกก็สบายใจได้ แต่ถ้าไม่เวิร์ค เธอก็ต้องปรับแก้ จะได้ทำให้เว็บไซต์ติดอันดับที่ดีขึ้น มีสถิติการเข้าชมเว็บไซต์มากขึ้น จะได้ขายของได้มากขึ้นไงล่ะ 



9 KPI SEO specialist ที่ควรติดตามสำหรับธุรกิจทุกขนาด

KPI SEO specialist หรือ Key Performance Indicator สำหรับ SEO specialist คือตัวชี้วัดความสำเร็จของงานของเรานี่แหละ SEO specialist KPI เหล่านี้จะทำให้รู้ว่าเราเก่งแค่ไหน ถ้าเก่งก็สบายใจได้ ถ้ายังไม่เก่งก็ต้องฝึกฝน จะได้เก่งขึ้น ผ่านการกำหนดเป้าหมายที่เหมาะสมยังไงล่ะ

KPI SEO specialist ที่อยากจะแนะนำก็มีอยู่ 9 ตัวยอดนิยมที่ควรติดตาม  สำหรับธุรกิจทุกขนาด ได้แก่

1. อันดับเว็บไซต์ (Search Engine Ranking) 

อันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหาของ Google เนี่ยแหละเป็น KPI SEO specialist คือตัวชี้วัดความสำเร็จที่สำคัญที่สุดของ SEO specialist เลย ถ้าอันดับสูง แสดงว่า SEO specialist เก่ง ดึงดูดลูกค้ามาหาเว็บไซต์ได้เยอะ แบบนี้ก็ปังสิครับ

2. ปริมาณการเข้าชมเว็บไซต์ (Website Traffic) 

ปริมาณจำนวนผู้เข้าชมเว็บไซต์เป็น KPI SEO specialist อีกตัวหนึ่งที่สำคัญเหมือนกันนะ ถ้าคนเข้าชมเว็บไซต์เยอะ แสดงว่า SEO specialist ดึงดูดลูกค้ามาหาเว็บไซต์ได้สำเร็จ แบบนี้ก็ดีต่อธุรกิจนะ

3. อัตราการเข้าชมต่อหน้า (Bounce Rate) 

อัตราการเข้าชมต่อหน้าเนี่ยแหละคือเปอร์เซ็นต์ของผู้ใช้ที่เข้ามาแล้วก็รีบหนีไปเลย ถ้าอัตราการเข้าชมต่อหน้าสูง แสดงว่า SEO specialist อาจจะสร้างเนื้อหาที่ไม่ค่อยน่าสนใจเท่าไหร่ แบบนี้ก็ต้องปรับปรุงเนื้อหาให้น่าสนใจขึ้นนะ

4. เวลาเฉลี่ยที่ผู้ใช้ใช้เวลาบนเว็บไซต์ (Average Time on Page) 

เวลาเฉลี่ยที่ผู้ใช้ใช้เวลาบนเว็บไซต์เนี่ยแหละคือ KPI SEO ตัวบ่งชี้ว่าเนื้อหาของเว็บไซต์น่าสนใจมากน้อยแค่ไหน ถ้าเวลาเฉลี่ยสูง แสดงว่าเนื้อหาของเว็บไซต์น่าสนใจ ผู้ใช้ใช้เวลาอ่านเนื้อหาบนเว็บไซต์นานๆ แบบนี้ก็ดีต่อธุรกิจน้า



5. จำนวนหน้าที่ผู้ใช้ดู (Pages per Session) 

จำนวนหน้าที่ผู้ใช้ดูเป็น KPI SEO specialist ที่บ่งชี้ว่าผู้ใช้สำรวจเว็บไซต์มากแค่ไหน ถ้าผู้ใช้ดูหน้าเยอะ แสดงว่าผู้ใช้สนใจเว็บไซต์ อยากจะหาข้อมูลเพิ่มเติม แบบนี้ก็ดีต่อธุรกิจ

6. อัตรา Conversion (Conversion Rate) 

อัตรา Conversion คือตัวชี้วัดความสำเร็จของ SEO specialist เลย ถ้าอัตรา Conversion สูง แสดงว่า SEO specialist ประสบความสำเร็จในการเปลี่ยนผู้ใช้เป็นลูกค้า แบบนี้ก็ขายของได้เยอะ ธุรกิจก็เติบโตตามไม่ยากน้า

7. ยอดขาย (Sales) 

ยอดขายเป็น KPI SEO ที่สำคัญที่สุดของ SEO specialist เลยสำหรับธุรกิจที่ต้องการขายของ ถ้ายอดขายสูง แสดงว่า SEO specialist ประสบความสำเร็จในการนำพาลูกค้ามาซื้อสินค้าจากเว็บไซต์

8. ผลกำไร (Profit) 

ผลกำไรเป็น KPI SEO specialist เลย ถ้าผลกำไรสูง แสดงว่า SEO specialist ประสบความสำเร็จในการนำพาลูกค้ามาซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ และลูกค้าก็ซื้อสินค้าจากเว็บไซต์ในราคาที่สูง

9. ความพึงพอใจของลูกค้า (Customer Satisfaction) 

ความพึงพอใจของลูกค้าเป็น KPI SEO ตัวชี้วัดความสำเร็จในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้าของ SEO specialist เลย ถ้าลูกค้าพึงพอใจ แสดงว่า SEO specialist ประสบความสำเร็จในการมอบประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า แบบนี้ลูกค้าก็กลับมาซื้อสินค้าจากเว็บไซต์อีกเรื่อย ๆ

SEO specialist ควรเลือก KPI อื่น ๆ เพิ่มเติมที่เหมาะสมกับเป้าหมายและวัตถุประสงค์ของธุรกิจ



ตัวอย่างการนำ KPI SEO google analytics ไปใช้งาน

การนำ KPI ของ SEO ไปใช้งานช่วยให้ธุรกิจสามารถติดตามผลลัพธ์ของการทำ SEO และวัดได้ว่าการทำ SEO นั้นประสบความสำเร็จหรือไม่ KPI จึงเปรียบเสมือน “เข็มทิศ” ที่ช่วยให้เรารู้ว่าเรากำลังเดินไปถูกทางหรือไม่ หากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามเป้าหมายที่กำหนด เราสามารถปรับกลยุทธ์การทำ SEO ใหม่ได้

สำหรับ SEO KPI examples for Analytics ไปใช้งาน เช่น

เว็บไซต์ขายสินค้าออนไลน์

KPI: เพิ่มยอดขาย

KPI ที่เกี่ยวข้อง: เพิ่มจำนวนผู้เข้าชมจากธรรมชาติ, เพิ่มอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา

เป้าหมายของเราคือ เพิ่มยอดขาย งั้นเราก็ต้อง เพิ่มจำนวนผู้เข้าชม จากธรรมชาติให้มากขึ้นสินะ คิดดูสิ ถ้ามีคนเข้ามาดูสินค้าในเว็บไซต์เราเยอะขึ้น โอกาสที่เค้าจะซื้ออะไรไปก็ย่อมมากขึ้นด้วย งั้นเราตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมจากธรรมชาติ 10% ภายใน 6 เดือน ไปเลย

อีกอย่างนึงที่เราต้องใส่ใจคือ อันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา ถ้าเว็บไซต์เราอยู่ในอันดับที่สูงขึ้น คนก็จะเห็นได้ง่ายขึ้น โอกาสที่เค้าจะกดเข้าไปดูก็ย่อมมากขึ้นด้วย งั้นเราตั้งเป้าเพิ่มอันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหาสำหรับคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง 10 อันดับภายใน 1 ปี ไปเลย

เว็บไซต์ของธุรกิจท่องเที่ยว

KPI: ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาเที่ยว

KPI ที่เกี่ยวข้อง: เพิ่มอัตราการคลิกผ่านจากผลการค้นหา, เพิ่มระยะเวลาการเข้าชมเว็บไซต์

นอกจาก KPI หลัก ๆ ที่กล่าวมาแล้ว ยังมี KPI อื่น ๆ ของ SEO ที่สามารถนำไปใช้งาน เช่น


จำนวนคำค้นหาที่เว็บไซต์ติดอันดับ (Search terms)

KPI นี้วัดว่าเว็บไซต์ติดอันดับสำหรับคำค้นหาใดบ้าง เราสามารถตั้งเป้าหมายว่าเราต้องติดอันดับสำหรับคำค้นหาอะไรบ้าง เช่น “เที่ยวทะเล”, “ที่พักราคาถูก”, หรือ “อาหารอร่อย”

จำนวนหน้าที่มีคนเข้าชม (Pages/session)

KPI นี้วัดว่าคนเข้าชมเว็บไซต์แต่ละคนเข้าชมกี่หน้า เราสามารถตั้งเป้าหมายว่าคนเข้าชมเว็บไซต์ของเราควรเข้าชมกี่หน้า เช่น 3 หน้า หรือ 5 หน้า

จำนวนหน้าที่คนเข้าชมซ้ำ (Returning pages)

KPI นี้วัดว่าคนเข้าชมเว็บไซต์กลับมาเข้าชมซ้ำกี่หน้า เราสามารถตั้งเป้าหมายว่าคนเข้าชมเว็บไซต์ของเราควรกลับมาเข้าชมซ้ำกี่ครั้ง เช่น 2 ครั้ง หรือ 3 ครั้ง

จำนวนการดาวน์โหลด (Downloads)

KPI นี้วัดว่ามีคนดาวน์โหลดไฟล์หรือเอกสารจากเว็บไซต์กี่ครั้ง เราสามารถตั้งเป้าหมายว่ามีคนดาวน์โหลดไฟล์หรือเอกสารจากเว็บไซต์ของเรากี่ครั้ง เช่น 100 ครั้ง หรือ 200 ครั้ง



คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับ KPI SEO

KPI SEO มีอะไรบ้าง

– จำนวนผู้เข้าชมจากธรรมชาติ (Organic traffic)
KPI นี้วัดว่าเว็บไซต์ของเรามีคนเข้าชมจากผลการค้นหาของ Google เยอะแค่ไหนวะ จะได้รู้ว่ามีคนสนใจในสิ่งที่เรานำเสนออยู่รึเปล่า

– อันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา (Search engine ranking)
KPI นี้วัดว่าเว็บไซต์ของเราอยู่ในอันดับที่เท่าไหร่ในผลการค้นหาของ Google สำหรับคำค้นหาที่เกี่ยวข้อง จะได้รู้ว่าคนเห็นเว็บไซต์เราง่ายแค่ไหน

– อัตราการคลิกผ่าน (Click-through rate, CTR)
KPI นี้วัดว่ามีคนคลิกลิงก์ของเว็บไซต์เราจากผลการค้นหากี่เปอร์เซ็นต์ จะได้รู้ว่าคนสนใจในสิ่งที่เรานำเสนอแค่ไหน

– ระยะเวลาการเข้าชมเว็บไซต์ (Session duration)
KPI นี้วัดว่าคนใช้เวลาอยู่บนเว็บไซต์เรานานแค่ไหน จะได้รู้ว่าคนสนใจในสิ่งที่เรานำเสนอแค่ไหน

– เปอร์เซ็นต์การเข้าชมเว็บไซต์ “เพียงหน้าเดียว” แล้วออกเลย (Bounce rate)

KPI นี้วัดว่าคนเข้าชมเว็บไซต์เราเพียงหน้าเดียวแล้วออกเลยกี่เปอร์เซ็นต์ จะได้รู้ว่าคนสนใจในสิ่งที่เรานำเสนอแค่ไหน

ทำ KPI ยังไง

– กำหนดเป้าหมายของเว็บไซต์และธุรกิจ
เริ่มจากถามตัวเองก่อนว่าอยากทำอะไรกับเว็บไซต์ของเราวะ อยากให้คนเห็นเว็บไซต์เราเยอะ ๆ รึเปล่า อยากให้คนซื้อสินค้าของเรารึเปล่า

– เลือก KPI ที่สอดคล้องกับเป้าหมาย
เลือก KPI ที่วัดผลได้และสอดคล้องกับเป้าหมายของเรา เช่น ถ้าเป้าหมายของเราคืออยากให้คนเห็นเว็บไซต์เราเยอะ ๆ ก็เลือก KPI เช่น จำนวนผู้เข้าชมจากธรรมชาติ อันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา อัตราการคลิกผ่าน

– ตั้งเป้าหมายสำหรับ KPI
ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนและท้าทาย แต่ต้องเป็นไปได้ด้วย เช่น ตั้งเป้าเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมจากธรรมชาติ 10% ภายใน 6 เดือน

– ติดตามผลลัพธ์ของ KPI
ตรวจสอบผลลัพธ์ของ KPI เป็นประจำ เพื่อดูว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็อาจต้องปรับกลยุทธ์ SEO ใหม่

ทำไมถึงต้องทำ SEO

– เพื่อให้เว็บไซต์ติดอันดับในผลการค้นหาของ Google
จะได้มีคนเห็นเว็บไซต์เราเยอะ ๆ และมีโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการของเรามากขึ้น

– เพื่อเพิ่มจำนวนผู้เข้าชมจากธรรมชาติ
จะได้มีคนเห็นเว็บไซต์เราเยอะขึ้น และมีโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการของเรามากขึ้น

– เพื่อเพิ่มโอกาสในการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย
จะได้เข้าถึงกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการมากขึ้น และมีโอกาสในการขายสินค้าหรือบริการของเรามากขึ้น

– เพื่อเพิ่มยอดขายหรือสร้างรายได้
จะได้เพิ่มยอดขายหรือสร้างรายได้ให้กับธุรกิจของเรา

SEO วัดผลยังไง

– ใช้ KPI ในการวัดผล
เลือก KPI ที่วัดผลได้และสอดคล้องกับเป้าหมายของเรา เช่น จำนวนผู้เข้าชมจากธรรมชาติ อันดับของเว็บไซต์ในผลการค้นหา อัตราการคลิกผ่าน

– ติดตามผลลัพธ์ของ KPI เป็นประจำ
ตรวจสอบผลลัพธ์ของ KPI เป็นประจำ เพื่อดูว่าเป็นไปตามเป้าหมายหรือไม่ หากไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็อาจต้องปรับกลยุทธ์ SEO ใหม่

SEO ทำยังไง

– ปรับแต่งเว็บไซต์ให้เป็นไปตามหลัก SEO
ปรับแต่งเว็บไซต์ให้มีคุณภาพและสอดคล้องกับหลัก SEO เช่น ใส่คำค้นหาเป้าหมายในเนื้อหา ใส่ลิงก์จากเว็บไซต์อื่นมาเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของเรา

– ผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับคำค้นหาเป้าหมาย
ผลิตเนื้อหาที่มีคุณภาพและเกี่ยวข้องกับคำค้นหาเป้าหมายที่คนค้นหาอยู่ เช่น เขียนบทความเกี่ยวกับสินค้าหรือบริการที่เราขาย

– หาลิงก์จากเว็บไซต์อื่นมาเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของเรา
หาลิงก์จากเว็บไซต์อื่นมาเชื่อมโยงกับเว็บไซต์ของเรา จะช่วยให้เว็บไซต์ของเรามีน้ำหนักมากขึ้นในผลการค้นหาของ Google

SEO KPI ก็เป็นเหมือนเข็มทิศที่ช่วยให้เรารู้ว่าเรากำลังเดินไปถูกทางหรือไม่ หากผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ก็อย่าเพิ่งท้อนะ ลองปรับกลยุทธ์ SEO ดูใหม่ รับรองว่าสักวันนึง เราก็จะไปถึงเป้าหมายได้ชัวร์ๆ