การทำ SEO นั้นมีความสำคัญต่อธุรกิจออนไลน์เป็นอย่างมาก เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยให้เว็บไซต์ของคุณปรากฏต่อหน้าลูกค้าเป้าหมายบนหน้าผลการค้นหา การทำ SEO นอกเหนือจากเนื้อหาที่ครบถ้วน ถูกต้องแล้ว ยังต้องมีการวิเคราะห์ SEO keyword เพื่อปรับแต่งเว็บไซต์ให้ตรงตาม Search Engine  เพื่อเพิ่มโอกาสในการติดอันดับบนหน้าผลการค้นหา (SERPs) ในบทความนี้จะมาแจกเคล็ดลับการเลือก SEO Keywords Search ยังไงให้คลิกกับธุรกิจ

SEO keyword คืออะไร

คำว่า “keyword” ในภาษาไทย แปลว่า “คำหลัก” หมายถึง คำสำคัญ หรือ คำวลี ที่ใช้อธิบายเนื้อหา ของข้อความ เว็บไซต์ หรือข้อมูลต่างๆ

SEO keyword หรือ คีย์เวิร์ด SEO หมายถึง คำหรือวลีที่ผู้คนใช้ค้นหาข้อมูลคีย์เวิร์ด ค้นหามากที่สุดบนเครื่องมือค้นหา เช่น Google, Bing, Yahoo! โดยคีย์เวิร์ดเหล่านี้สะท้อนถึงปัญหา ความต้องการ หรือความสนใจของกลุ่มเป้าหมาย

SEO keyword ใช้เพื่ออธิบายเนื้อหาของข้อความ เว็บไซต์ หรือสิ่งอื่น ๆ คำหลักมักใช้ในบริบทต่อไปนี้:

โดยทั่วไปแล้ว คำหลักควรมีความเกี่ยวข้องกับเนื้อหาที่อธิบายและมีการค้นหาบ่อยโดยผู้ใช้เป้าหมาย

SEO Keyword สำคัญอย่างไร

ช่วยให้เว็บไซต์ติดอันดับบนหน้าแรกของผลการค้นหา

เมื่อมีคนค้นหาด้วยคีย์เวิร์ดที่ตรงกับเนื้อหาในเว็บไซต์ เว็บไซต์ของคุณก็มีโอกาสที่จะแสดงผลบนหน้าแรกของผลการค้นหา ซึ่งจะช่วยดึงดูดผู้เข้าชมเว็บไซต์ได้มากขึ้น

เพิ่ม Traffic เข้าเว็บไซต์

การติดอันดับบนหน้าแรกของผลการค้นหาจะช่วยเพิ่ม Traffic เข้าเว็บไซต์จากการค้นหาแบบออร์แกนิค (Organic Traffic) ซึ่งเป็น Traffic ที่มีคุณภาพและมีความสนใจในเนื้อหาของเว็บไซต์ของคุณ

เข้าใจกลุ่มเป้าหมาย

การวิเคราะห์คีย์เวิร์ด SEO ช่วยให้คุณเข้าใจว่ากลุ่มเป้าหมายของคุณกำลังมองหาอะไร คิดอะไร และใช้คำศัพท์อะไร ซึ่งจะช่วยให้คุณสามารถสร้างเนื้อหาที่ตรงกับความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ดียิ่งขึ้น

วางแผนกลยุทธ์การตลาดออนไลน์

ข้อมูลเกี่ยวกับคีย์เวิร์ด SEO สามารถนำไปใช้ในการวางแผนกลยุทธ์การตลาดออนไลน์อื่นๆ เช่น การทำโฆษณาออนไลน์ (SEM) การทำ Content Marketing และ Social Media Marketing

SEO  keyword มีกี่ประเภท

Keyword ทั่วไป (Generic Keyword)

เป็นคำหรือวลีที่กว้าง ๆ เกี่ยวกับหัวข้อหรือสินค้า มักมีจำนวนการค้นหาสูง แต่การแข่งขันก็สูงเช่นกัน ตัวอย่างเช่น “รองเท้า”, “มือถือ”, “ร้านอาหาร”

Keyword เฉพาะกลุ่ม (Niche Keyword)

เป็นคำหรือวลีที่เจาะจงลงมาจาก Keyword ทั่วไป มักมีจำนวนการค้นหาที่น้อยกว่า แต่การแข่งขันก็ต่ำลง และผู้ใช้ที่ค้นหาด้วย Keyword เหล่านี้มักมีความตั้งใจสูง ตัวอย่างเช่น “รองเท้าวิ่งสำหรับผู้หญิง”, “มือถือราคาไม่เกิน 10,000 บาท”, “ร้านอาหารไทยในเชียงใหม่”

Keyword หางยาว (Long-tail Keyword)

เป็นคำหรือวลีที่ยาวและเฉพาะเจาะจงมากขึ้น มักมีจำนวนการค้นหาที่ต่ำที่สุด มักมีความต้องการที่ชัดเจนและพร้อมที่จะซื้อสินค้า ตัวอย่างเช่น “รองเท้าวิ่งสำหรับผู้หญิง ยี่ห้อ Nike รุ่น Air Zoom Pegasus 39”, “มือถือราคาไม่เกิน 10,000 บาท สเปคดี กล้องสวย”, “ร้านอาหารไทยในเชียงใหม่ บรรยากาศดี มีที่จอดรถ”

Keyword ข้อมูล (Informational Keyword)

เป็นคำหรือวลีที่ผู้ใช้ค้นหาเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อใดหัวข้อหนึ่ง มักไม่ใช่คำที่ใช้เพื่อซื้อสินค้าโดยตรง แต่สามารถดึงดูดผู้ใช้ที่มีศักยภาพเข้ามาสู่เว็บไซต์ของคุณ ตัวอย่างเช่น “วิธีการวิ่งให้เร็วขึ้น”, “ข้อดีของการใช้มือถือรุ่นใหม่”, “สูตรอาหารไทยง่ายๆ”

นอกจาก 4 ประเภทหลักนี้แล้ว ยังมี Keyword ประเภทอื่น ๆ อีก เช่น:

Keyword ผิดพลาด (Misspelling Keyword)

เป็นคำหรือวลีที่สะกดผิด มักมีจำนวนการค้นหาที่น้อย แต่สามารถดึงดูดผู้ใช้ที่ค้นหาผิดพลาดเข้ามาสู่เว็บไซต์ของคุณ

Keyword คู่แข่ง (Competitor Keyword)

เป็นคำหรือวลีที่คู่แข่งของคุณใช้ มักมีจำนวนการค้นหาสูง แต่การแข่งขันก็สูงเช่นกัน คุณสามารถใช้ Keyword เหล่านี้เพื่อดึงดูดผู้ใช้ที่กำลังมองหาสินค้าหรือบริการของคู่แข่งของคุณ

การเลือกใช้ Keyword ประเภทไหนนั้น ขึ้นอยู่กับเป้าหมายทางการตลาดของคุณ หากต้องการดึงดูดผู้ใช้จำนวนมาก คุณควรใช้ Keyword ทั่วไป แต่หากต้องการดึงดูดผู้ใช้ที่มีศักยภาพสูง คุณควรใช้ Keyword เฉพาะกลุ่มหรือ Keyword หางยาว

ลักษณะของ SEO Keyword ที่ดี มีอะไรบ้าง

ลักษณะของ SEO Keywords Search ที่ดี

1. ความเกี่ยวข้อง (Relevance)

2. ปริมาณการค้นหา (Search Volume)

3. ความยากง่ายในการแข่งขัน (Competition)

4. เจตนาการค้นหา (User Intent)

5. ความยาวของ Keyword (Keyword Length)

6. รูปแบบของ Keyword (Keyword Format)

7. ความสดใหม่ของ Keyword (Keyword Freshness)

8. แนวโน้มของ Keyword (Keyword Trend)

9. ความง่ายในการจดจำ (Keyword Memorability)

10. ความหลากหลายของ Keyword (Keyword Diversity)

วิธีหา Keyword โดย SEO Keyword Tool มีอะไรบ้าง 

มีเครื่องมือ SEO Keyword Tool มากมายให้เลือกใช้ แต่ละเครื่องมือมีจุดเด่นและจุดด้อยของตัวเอง เครื่องมือยอดนิยมบางส่วน ได้แก่

Google Keyword Planner

เครื่องมือ SEO Keyword Tool ฟรีจาก Google ช่วยให้คุณค้นหาคำหลักที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือธุรกิจของคุณ คุณยังสามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนการค้นหาสำหรับคำหลักแต่ละคำ และดูว่าคำหลักเหล่านั้นมีการแข่งขันสูงแค่ไหน

Ahrefs

Ahrefs เป็นเครื่องมือ SEO แบบชำระเงินที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคำหลักที่ครอบคลุมยิ่งขึ้นกว่า Google Keyword Planner Ahrefs ช่วยให้คุณสามารถดูจำนวนแบ็กกิงค์ที่เว็บไซต์ได้รับสำหรับคำหลักแต่ละคำ ตลอดจนค่าความยากในการจัดอันดับสำหรับคำหลักเหล่านั้น

Semrush

เครื่องมือ SEO อีกตัวที่ใช้สำหรับ Seo Keyword Checker หาคำค้นหาคู่แข่ง และติดตามผลการค้นหาของคุณ Semrush ยังมีคุณสมบัติมากมายที่ช่วยให้คุณสามารถปรับแต่งกลยุทธ์ SEO ของคุณได้

Moz Keyword Explorer

เป็นโปรแกรมหา keyword ฟรี ที่ช่วยให้คุณค้นหาคำหลักที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์  สามารถดูข้อมูลเกี่ยวกับจำนวนการค้นหาสำหรับคำหลักแต่ละคำ และดูว่าคำหลักเหล่านั้นมีการแข่งขันสูงแค่ไหน

Ubersuggest 

Ubersuggest คือเครื่องมือ SEO ที่ช่วยให้คุณค้นหาคำหลัก วิเคราะห์เว็บไซต์ และติดตามผลการค้นหาพัฒนาโดย Neil Patel ผู้เชี่ยวชาญด้าน SEO ระดับโลก เครื่องมือนี้มีฟีเจอร์มากมายที่ช่วยให้สามารถค้นหาคำหลักที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์หรือธุรกิจของคุณ ดูจำนวนการค้นหา ค่าความยากในการจัดอันดับ และข้อมูลอื่นๆ วิเคราะห์เว็บไซต์ของคุณและของคู่แข่ง ดูจำนวนแบ็กกิงค์ ค่าโดเมนออโธริตี้ และข้อมูลอื่นๆ ติดตามอันดับเว็บไซต์ในผลการค้นหาของ Google

เครื่องมือ SEO Keyword Tool ที่ดีที่สุดจะขึ้นอยู่กับความต้องการและงบประมาณ นอกเหนือจากเครื่องมือที่กล่าวมาแล้ว ยังมีเครื่องมือ SEO Keyword Tool อื่นๆ อีกมากมายให้เลือกใช้ สิ่งสำคัญคือต้องทำการวิจัยและเปรียบเทียบเครื่องมือต่างๆ เพื่อค้นหาเครื่องมือที่เหมาะกับความต้องการ

ที่ SEOMON เรารับทำ SEO ติดหน้าแรก ด้วยทีมผู้เชี่ยวชาญที่เข้าใจเรื่องการทำ SEO ช่วยให้ลูกค้าหรือกลุ่มเป้าหมายของคุณเจอธุรกิจคุณได้

คำถามที่พบบ่อย เกี่ยวกับ SEO Keyword

หา Keyword SEO ยังไง

การหา Keyword SEO ที่ดี มีประสิทธิภาพ สามารถทำได้โดยเริ่มจาก กำหนดเป้าหมาย ว่าต้องการเจาะกลุ่มลูกค้าแบบไหน  ระบุหมวดหมู่ สินค้าหรือบริการ  ค้นหา Keyword หลัก  วิเคราะห์เจตนา การค้นหา  ค้นหา Long-Tail Keyword เพิ่มเติม  วิเคราะห์คู่แข่ง เครื่องมือ ที่ช่วยในการหา Keyword SEO มีมากมาย เช่น Google Keyword Planner, Ubersuggest, SEMrush, Ahrefs, KeywordTool.io  แต่ละเครื่องมือมีจุดเด่นและจุดด้อยแตกต่างกัน  ควรศึกษาข้อมูลและเลือกใช้เครื่องมือให้เหมาะสมกับความต้องการ

Keyword คืออะไร พร้อมยกตัวอย่าง

Keyword  คือ คำหรือวลีที่มีความสำคัญต่อเนื้อหาหรือหัวข้อหนึ่งๆ  เปรียบเสมือนกุญแจสำคัญที่ช่วยให้ผู้ใช้ค้นหาข้อมูลที่ต้องการได้ง่ายขึ้น  มักใช้ในบริบทต่างๆ ดังนี้ การค้นหาข้อมูล การเขียน การวิเคราะห์ข้อมูล: นักวิเคราะห์ข้อมูลใช้คำหลักเพื่อระบุรูปแบบและความสัมพันธ์ในข้อมูล ตัวอย่างเช่น เว็บไซต์ขายรองเท้า ใช้คำหลัก เช่น “รองเท้าผ้าใบ”, “รองเท้าวิ่ง”, “รองเท้าแตะ” เพื่อดึงดูดผู้ใช้ที่ค้นหารองเท้าประเภทต่างๆ บทความเกี่ยวกับ “วิธีการทำอาหารไทย” อาจใช้คำหลัก เช่น “ต้มยำกุ้ง”, “แกงเขียวหวาน”, “ผัดไทย”

Keyword มีกี่ประเภท อะไรบ้าง

– Keyword ทั่วไป (Generic Keyword): คำหรือวลีสั้นๆ กว้างๆ เกี่ยวกับหัวข้อนั้นๆ มักมีจำนวนการค้นหาสูง แต่การแข่งขันก็สูงเช่นกัน ตัวอย่างเช่น “รองเท้า” หรือ “เสื้อผ้า”
– Keyword เฉพาะกลุ่ม (Niche Keyword): คำหรือวลีที่เจาะจงลงไปอีก มักมีจำนวนการค้นหาปานกลาง แต่การแข่งขันน้อยกว่า ตัวอย่างเช่น “รองเท้าวิ่งสำหรับผู้หญิง” หรือ “เสื้อผ้าแฟชั่นวินเทจ”
– Keyword หางยาว (Long-tail Keyword): คำหรือวลีที่ยาวและเฉพาะเจาะจงมากที่สุด มักมีจำนวนการค้นหาต่ำ แต่ผู้ใช้ที่ค้นหามีความสนใจสูง ตัวอย่างเช่น “รองเท้าวิ่งสำหรับผู้หญิง พื้นรองเท้าโฟม คลื่นนุ่ม” หรือ “เสื้อผ้าแฟชั่นวินเทจ ยุค 90”
– Keyword ข้อมูล (Informational Keyword): คำหรือวลีที่ผู้ใช้ค้นหาเพื่อหาข้อมูลเกี่ยวกับหัวข้อนั้นๆ ตัวอย่างเช่น “วิธีการเลือกรองเท้าวิ่ง” หรือ “เทรนด์แฟชั่นวินเทจปี 2024”
– Keyword ธุรกรรม (Transactional Keyword): คำหรือวลีที่ผู้ใช้ค้นหาเพื่อทำธุรกรรม ตัวอย่างเช่น “ซื้อรองเท้าวิ่งออนไลน์” หรือ “ร้านขายเสื้อผ้าแฟชั่นวินเทจ”

ทำยังไงให้ติด SEO

1. ค้นหาคีย์เวิร์ด เลือกคำที่คนค้นหาเยอะๆเกี่ยวกับธุรกิจของคุณ ใส่คีย์เวิร์ดใน หัวข้อบทความ และ URL
2. เขียนเนื้อหาคุณภาพ: เขียนบทความที่ให้ข้อมูล มีประโยชน์ อ่านง่าย ใส่คีย์เวิร์ดธรรมชาติ อัปเดตเนื้อหาเสมอ
3. สร้างแบ็กก์ลิงก์: หาลิงก์จากเว็บไซต์อื่น ๆ ที่น่าเชื่อถือ มาเชื่อมโยงมายังเว็บไซต์ของคุณ
4. ปรับแต่งเว็บไซต์: ทำให้เว็บไซต์โหลดเร็ว ใช้งานง่าย รองรับมือถือ
5. โปรโมทเว็บไซต์: แชร์บทความบนโซเชียลมีเดีย ทำโฆษณา

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *